อ่าน 3175 ครั้ง
ป้องกันโรคร้ายที่แฝงอยู่ในตับ
content/133.jpg
 

          รศ.นพ.ทวีศักดิ์ แทนวันดี, ศ.คลินิก นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวีณิน ผอ.รพ. ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ และ รศ.ดร.นพ.ยงยุทธ ศิริวัฒนอักษร ร่วมรณรงค์ให้ความรู้เรื่องตับ

          จากสถิติที่คนไทยป่วยเป็นโรคตับจำนวนมากกว่าร้อยละ 10 ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง, การดื่มสุรา และโรคไขมันพอกตับ โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ จึงได้จัดเสวนาให้ความรู้ด้านสุขภาพในหัวข้อ “ล้วงลับ เรื่องตับ” เพื่อเป็นแนวทางป้องกันโรคร้ายที่แฝงอยู่ในตับ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรม “อาสาสมัครใจ บริจาคโลหิต ครั้งที่ 2” พร้อมกันนี้ยังชวนคนดังมาร่วมรณรงค์บริจาคโลหิต และสาธิตเมนูเพื่อสุขภาพ ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ที่ รพ.ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์

          รศ.นพ.ทวีศักดิ์ แทนวันดี อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางระบบทางเดินอาหารและตับ กล่าวว่า ตับเป็นอวัยวะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดภายในร่างกาย ทำหน้าที่สำคัญในการควบคุมสภาพร่างกายให้อยู่ดีมีสุข และทำหน้าที่อีกหลายอย่าง เช่น ขจัดยาหรือสารพิษออกจากร่างกาย สร้างภูมิคุ้มกันบางอย่าง ตลอดจนกำจัดเชื้อโรคต่างๆออกจากร่างกาย นอกจากนี้ยังทำหน้าที่สร้างโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบในการทำให้เลือดแข็งตัว สร้างน้ำดี ซึ่งทำหน้าที่ในการดูดซึมไขมันและวิตามิน

          สำหรับโรคร้ายที่เกิดกับตับ มีหลายโรคด้วยกัน ได้แก่ โรคไวรัสตับอักเสบเรื้อรังบี และซี รวมทั้งโรคไขมันพอกตับ อันมาจากการรับประทานอาหารมากขึ้น ออกกำลังกายน้อยลง ซึ่งโรคนี้พบได้ทุกเพศทุกวัย และโรคตับจากการดื่มสุรา โรคทั้งหมดหากป่วยอยู่เป็นเวลานานจะค่อยๆมีการทำลายเนื้อตับกลายเป็นเนื้อเยื่อพังผืดในที่สุด ที่เรียกว่า ภาวะตับแข็ง และในที่สุดโรคก็จะดำเนินต่อไปจนเกิดภาวะตับวายหรือมะเร็งตับ ผู้ป่วยโรคตับส่วนใหญ่ไม่มีอาการ ดังนั้นจึงเป็นภัยเงียบจริงๆ กว่าจะเริ่มมีอาการก็มักจะเป็นตับแข็งระยะสุดท้ายแล้ว

          ดังนั้นควรที่จะมีการตรวจเช็กอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งปัจจุบันการเจาะเลือดเพื่อตรวจเช็กก็มีความสะดวกและราคาไม่แพง ในปัจจุบันยังไม่มียาบำรุงตับที่จะทำให้ตับดีขึ้น การล้างพิษตับ นอกจากไม่มีประโยชน์แล้ว อาจเกิดโทษ เช่น ขาดน้ำ เกลือแร่ หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อได้ นอกจากนั้น การรับประทานยาสมุนไพรต่างๆ หรืออาหารเสริม ยังไม่มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าเกิดประโยชน์ต่อตับ

          ด้าน รศ.ดร.นพ.ยงยุทธ ศิริวัฒนอักษร ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางระบบทางเดินอาหารและตับกล่าวว่า สำหรับแนวทางการรักษาโรคตับแข็งและมะเร็งตับในปัจจุบัน ทำได้โดยการผ่าตัดปลูกถ่ายตับ โดยตับที่ได้รับการปลูกถ่ายจะทำงานทดแทนตับเดิม ทำให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตแข็งแรงได้อย่างปกติ กรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถผ่าตัดได้เนื่องจากมีภาวะตับแข็งมาก หรือมะเร็งอยู่ในระยะลุกลาม อาจทำการรักษาด้วยการจี้ด้วยความร้อน หรือการใส่สายสวนเข้าตับเพื่อฉีดยา เป็นต้น ปัจจุบันในประเทศไทยมีผู้ป่วยรอรับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับประมาณ 200 รายต่อปี แต่จำนวนผู้บริจาคอวัยวะยังมีจำนวนน้อย ไม่เพียงพอต่อผู้ป่วยที่รอรับบริจาค.

 

ที่มา : เว็บไซต์ไทยรัฐ

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต







Create your own banner at mybannermaker.com!








รักสุขภาพ : ข่าวสุขภาพ#บทความสุขภาพ#โรคน่ารู้#ลดความอ้วน#ลดน้ำหนัก#รักษาสิว#รักษาฝ้า#เบาหวาน#ความดัน#อาหารเสริม#ผิวขาว#กลูตาไธโอน#กาแฟลดน้ำหนัก#